ผู้นำแต่ละคนย่อมมีวิธีที่จะผูกใจลูกน้องด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป รวมถึงสถานการณ์ที่แตกต่างด้วยเช่นกัน โจโฉก็มีกลยุทธในการผูกใจคนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้เล่าปี่เลย แต่จะแตกต่างที่โจโฉจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นนายบ่าว มากกว่าเล่าปี่ โจโฉเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัว ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆสักเท่าไหร่ ต่างกับเล่าปี่ที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ดี
ในสามก๊กก็มีหลายเหตุการณ์เลยที่โจโฉสามารถผูกใจคนได้เป็นอย่างดี การเผาจดหมายก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีเลยทีเดียว เผาจดหมาย คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังศึกกัวต๋อที่รบกับอ้วนเสี้ยวจบลง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแรกๆในสามก๊ก และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้โจโฉได้กลายเป็นยอดขุนพลของประเทศจีนยุคนั้น กล่าวคือสามารถปราบกองทัพอ้วนเสี้ยวที่มีมากกว่าตนถึง 10 เท่า ด้วยสัดส่วนของกองทัพอ้วนเสี้ยวที่มีมากกว่าถึง 10 เท่าซ้ำเสบียงของโจโฉยังขาดแคลน ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายภายในเกิดขึ้นโดยมีนายทหารหลายคนได้เขียนจดหมายถึงอ้วนเสี้ยวเพื่อสวามิภักดิ์ด้วยเหตุที่ว่าโจโฉอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะไม่มีโอกาสชนะได้ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อ ลูกน้องขาดความมั่นใจในองค์กร และถ้าองค์กรประสบปัญหาถึงขั้นวิกฤต อนาคตของคนเหล่านั้นย่อมไม่สดใส ภาระส่วนตัวที่แต่ละคนต้องแบกไว้ก็มีอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เกิดการเอียงเอนไปยังฝ่ายที่มีทรัพยากรดีกว่า
เมื่อชนะศึกและจดหมายเหล่านี้ถูกเจอ เหล่านายทหารที่สนิทกับโจโฉก็แนะนำให้หาตัวมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่โจโฉกลับเห็นว่าการทำแบบนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น และยังเข้าใจถึงเหตุผลของการเขียนจดหมายเหล่านี้ ก็เลยสั่งเผาไปซะให้หมด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพื่อความสบายใจต่อทุกฝ่ายนั่นเอง
เหตุการณ์นี้โจโฉก็เอาวิกฤตให้เป็นโอกาสที่ดีเหมือนกัน การเขียนจดหมายของทหารหลายคนเป็นการตีตัวออกห่าง แต่เมื่อชนะศึกและโจโฉไม่เอาเรื่องก็ถือว่าทำให้ทหารเหล่านั้นมั่นใจในการทำงานให้โจโฉต่อไปในอนาคตนั่นเอง
ใครมีข้อคิดเห็นอย่างไรมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ
2 ความคิดเห็น:
นี่คือตัวอย่างข้อดีของการ "นิรโทษกรรม" ครับ
ใช่ึึครับ ก็เป็นกรณีศึกษาได้สำหรับการเมืิองการปกครองของประเทศเราเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น